Followers

วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รวมเคล็ดถนอมแบตเตอรี่ iPhone และ iPad ที่อัปเดทเป็น iOS 6

ฟังทางนี้สำหรับใครที่อัปเดท iPhone หรือ iPad เป็นระบบปฏิบัติการ iOS 6 แล้วรู้สึกว่าเครื่องแบตเตอรี่หมดเร็วผิดปกติ ท่ามกลางปัญหาที่แอปเปิลยังไม่แก้ไข ต่อไปนี้คือ 10 เคล็ดไม่ลับที่คุณสามารถลงมือแก้ปัญหาเองได้ง่ายๆ เพื่อให้ไอโฟนและไอแพดที่อัปเดทเป็น iOS 6 สามารถทำงานต่อเนื่องได้นานขึ้นก่อนจะรอเวลาชาร์จครั้งต่อไป
      
       แอปเปิล (Apple) นั้นเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชันใหม่เพื่อให้ผู้ใช้ iPhone และ iPad รวมถึง iPod Touch ได้อัปโหลดไปใช้งาน ปรากฏว่าขณะนี้ ชาวแอปเปิลทั่วโลกพร้อมใจร้องเรียนปัญหา"แบตเตอรี่หมดเร็ว"ที่เกิดกับเครื่องตระกูลไอที่อัปเดทแล้ว อย่างไรก็ตาม คำร้องเรียนนี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ และเป็นคำร้องเรียนมาตรฐานที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่แอปเปิลเปิดตัว iOS เวอร์ชันใหม่
      
       นับตั้งแต่ปี 2007 ที่แอปเปิลเปิดตัว iPhone แอปเปิลถูกร้องเรียนปัญหานี้เมื่อครั้งเปิดตัว iOS 3 ก่อนจะถูกร้องเรียนอีกครั้งในการเปิดตัว iOS 4 และในที่สุดก็ถูกร้องเรียนเมื่อ iOS 5 ถูกเปิดตัว จึงไม่แปลกที่คำร้องเรียนนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งกับ iOS 6 ซึ่งเริ่มเปิดให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไปติดตั้งในอุปกรณ์หลายล้านเครื่องทั่วโลกช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
      
       ไม่แน่ คำร้องเรียนนี้อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งในการเปิดตัว iOS 7 ในอนาคต ซึ่งถึงตอนนั้น สาวกแอปเปิลอาจจะชื่นชมว่าแบตเตอรี่ภายใต้เครื่อง iOS 6 (ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้) นั้นมีประสิทธิภาพเพียงไร
      
       อย่างไรก็ตาม นี่คือเคล็ด 10 ข้อซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในช่วงนี้ไปได้ โดยแม้จากการทดสอบจะพบว่าทุกข้อมีส่วนช่วยทำให้แบตเตอรี่เครื่องใช้งานต่อเนื่องได้นานขึ้นจริง แต่ขอแนะนำว่าชาวแอปเปิลไม่ควรเลือกปฏิบัติทุกข้อพร้อมกัน แต่ควรเลือกปิดคุณสมบัติบางอย่างที่ไม่ใช้งานในขณะนั้นตามความเหมาะสม
      
       1. ปรับทัศนคติ
      
       Adrian Kingsley-Hughes แห่งคอลัมน์ Hardware 2.0 ของสำนักซีดีเน็ตบรรยายไว้ว่า เคล็ดข้อแรกที่เขาต้องการแนะนำชาว iPhone และ iPad ที่อัปเดทเป็น iOS6 คือการไม่ต้องทำอะไร หรือแปลอีกนัยหนึ่งคือ"เคล็ดลับคือไม่มีเคล็ดลับ" (tip is actually an anti-tip)
      
       นักเขียนหนุ่มรายนี้เชื่อว่า อายุแบตเตอรี่ของเครื่องที่อัปเดทระบบปฏิบัติการอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด โดยตั้งข้อสังเกตว่าคนจำนวนมากอาจจะอคติและโยนบาปให้ iOS 6 ทั้งที่ความจริงแล้วภาวะแบตเตอรี่เครื่องหมดเร็วนั้นเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยประกอบกัน
      
       ปัจจัยเหล่านั้นอาจได้แก่ การให้ความสนใจกับ iPhone หรือ iPad มากขึ้นหลังจากอัปเดทระบบปฏิบัติการใหม่, การทดลองใช้งานเครื่องอัปเดทใหม่มากกว่าเดิม หรือการลองใช้งานคุณสมบัติใหม่ เป็นต้น
      
       ตรงนี้นักข่าวของซีดีเน็ตชี้ว่า ผู้ใช้ iPhone และ iPad ทุกคนควรจะระลึกด้วยว่าอุปกรณ์ตระกูลไอของทุกคนนั้นมีอายุเกิน 1 ปีแล้ว ดังนั้นความสามารถของแบตเตอรี่ในเครื่องย่อมเสื่อมลง โดยเฉพาะอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่องที่มักจะสั้นลง 10% ตามปกติทุกปี
      
       แปลว่าผู้ใช้ iPhone 4 ซึ่งแอปเปิลเคลมว่ามีอายุสแตนด์บายต่อเนื่อง 300 ชั่วโมง ก็จะถูกลดลงเป็น 270 ชั่วโมงในปีแรก และเหลือ 240 ชั่วโมงในปีที่ 2 และเหลือ 220 ชั่วโมงในปีที่ 3
      
       นี่เป็นธรรมชาติของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่อุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่ใช้งาน ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงกฎฟิสิกซ์นี้ไปได้
       2. ปรับความสว่างหน้าจอ
      
       นี่คือวิธีที่ง่ายที่สุดในการยืดอายุใช้งานแบตเตอรี่ ผู้ใช้ iPhone 4 ที่เคยอัปเดทจาก iOS 4 เป็น iOS 5 อาจจะเคยพบประสบการณ์ถูกเลื่อนความสว่างเป็นระดับขีดสุดมาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นอีกเมื่ออัปเดทจาก iOS 5 เป็น iOS 6
      
       ดังนั้นลองตรวจสอบระดับความสว่างหน้าจอของเครื่อง แล้วปรับลดลงหากมันสว่างเกินความจำเป็น โดยเข้าไปตั้งค่าที่เมนู Settings เลือกที่ Brightness & Wallpaper
       3. ปิดการทำงานแอปเบื้องหลัง
      
       แม้จะเรียกแอปพลิเคชันใหม่ขึ้นมาใช้งาน แต่แอปพลิเคชันที่ถูกเปิดขึ้นมาใช่งานก่อนหน้านี้ยังทำงานอยู่ แอปพลิเคชันเหล่านี้จะถูกเรียกว่า background app หรือแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งแม้ background app ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีผลต่อแบตเตอรี่เครื่อง แต่หากเป็นแอปพลิเคชันประเภท GPS สำหรับการนำทาง ก็สามารถสูบแบตเตอรี่จากเครื่องได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น iOS รุ่นใด
      
       คำแนะนำในข้อนี้จึงเน้นการปิด background apps ให้บ่อยครั้ง วิธีการคือการกดปุ่มโฮม (Home button) ติดกัน 2 ครั้งเพื่อเปิดแถบมัลติทาสกิ้งหรือ multitasking bar จากนั้นกดค้างไว้ที่รูปไอคอนแอปพลิเคชัน แล้วจึงเริ่มแตะที่เครื่องหมายลบซึ่งอยู่มุมบนขวาของไอคอนแอปพลิเคชันเหล่านั้น
       4. อัปเดทแอปพลิเคชันในเครื่อง
      
       หลายคนอาจไม่รู้ว่า การอัปเดทแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดมาในเครื่องก็เป็นวิธีช่วยยืดอายุแบตเตอรี่เครื่องอย่างได้ผล เพราะแม้แอปพลิเคชันเดิมในเครื่องจะทำงานได้ดี แต่แอปพลิเคชันเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานกับระบบปฏิบัติการบางเวอร์ชันได้ดีที่สุด ดังนั้นเมื่อมีการอัปเดทระบบปฏิบัติการใหม่ จงอย่าลืมที่จะอัปเดทแอปพลิเคชันในเครื่องให้รองรับระบบปฏิบัติการใหม่ด้วย
       5. เปิดฟังก์ชันล็อคหน้าจออัตโนมัติ
      
       ต้องบอกว่าหลายคนเห็นความแตกต่างของอายุแบตเตอรี่อย่างชัดเจนระหว่างอุปกรณ์ที่เปิดและไม่เปิดการล็อคหน้าจออัตโนมัติ การเปิดฟังก์ชันนี้จะทำให้หน้าจอเครื่องถูกพักการทำงานเมื่อไม่ได้เปิดใช้ ซึ่งทุกคนสามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการให้ปิดหน้าจอ 1 หรือ 2 นาทีหากพบว่าหน้าจอไม่มีการใช้งาน ซึ่งไม่เพียงจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของฮาร์ดแวร์อื่นๆในเครื่องได้ด้วย
      
       วิธีการเปิดฟังก์ชันนี้ คือเลือกเมนู Settings คลิกที่ General และเปิดฟังก์ชัน Auto-Lock
       6. ปิดการเชื่อมต่อ
      
       หลายบทความแนะนำให้ผู้ใช้ปิดการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth หรือ 3G ด้วยการคลิก off หรือปิด แต่สำหรับ Wi-Fi เราขอแนะนำให้คุณปิดการทำงานฟังก์ชัน Ask to Join Networks ซึ่งสามารถกดเปิดเมื่อต้องการค้นหา Wi-Fi เท่านั้น โดยฟังก์ชัน Ask to Join Networks จะมีอยู่ในเมนู Settings เลือกที่ Wi-Fi
      
       สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ สามารถตั้งค่าปิดการทำงานที่เมนู Settings เลือก General คลิก Cellular เช่นเดียวกับ Bluetooth (เลือกที่ Settings > Bluetooth) ซึ่งควรเลือกเปิดเมื่อต้องการใช้งานเท่านั้น
หน้าที่แล้ว
1 | 2
 
       7. เปิดโหมดใช้งานบนเครื่องบิน Airplane Mode
      
       นี่คือทางลัดในการปิดการเชื่อมต่อทุกเครือข่ายบน iPhone เพียงเปิดโหมด Airplane Mode ด้วยการเข้าเมนู Settings เลือก Airplane Mode ซึ่งเมื่อเครื่องอยู่ในโหมดนี้ ทุกคนจะสามารถเลือกเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi และ Bluetooth ได้หากต้องการ
       8. ปิดบริการอิงสถานที่ (location)
      
       ใครคิดว่า iOS 5 มาพร้อมคุณสมบัติด้านบริการอิงสถานที่แล้ว iOS 6 นั้นมีคุณสมบัติมากกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งแม้จะมีประโยชน์แต่คุณสมบัตินี้กลับเป็นผลแง่ลบต่ออายุแบตเตอรี่ของอุปกรณ์
      
       ปิดคุณสมบัตินี้ได้ที่เมนู Settings เลือก Privacy คลิกที่ Location Services จุดนี้ทุกคนสามารถเลือกเปิดการทำงานอิงสถานที่กับบางแอปพลิเคชันได้ตามต้องการ
       ขณะเดียวกัน ผู้ใช้ iOS 6 ควรเลื่อนไปที่ด้านท้ายของหน้า Locations Services แล้วคลิกที่เมนู System Services จากนั้นให้ปิดการทำงานของฟังก์ชัน Location Based iAds และฟังก์ชัน Setting Time Zone ซึ่งเมื่อปิดแล้ว เวลาในเครื่องก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเครื่องจะแสดงเวลาตามระบบของผู้ให้บริการในท้องถิ่นอยู่แล้ว
       9. ปิดการแจ้งเตือน Notifications
      
       เป็นเรื่องที่ยอมรับกันทั่วไปว่าการแจ้งเตือนหรือ notification นั้นผลาญแบตเตอรี่มากเพียงใด โดยพื้นที่ notification Center ใน iOS นั้นทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมของกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนระบบได้ดี แต่ก็ต้องแลกกับอายุแบตเตอรี่ที่หมดลงรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ต้องตั้งค่าที่เมนู Settings เลือก Notifications
       ผู้ที่ไม่แคร์สิ่งใดอาจจะเลือกปิดการทำงานของ Notification Center ได้อย่างไม่รีรอ แต่สำหรับผู้ที่ยังติดเครือข่ายสังคมจะสามารถเลือกดูการเตือนของบางแอปพลิเคชันเมื่อเครื่องถูกล็อคหน้าจอได้ โดยสามารถเลือก Alert Style ว่าต้องการให้ข้อความปรากฎที่พื้นที่ใดของจอภาพ ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าการต้องเปิดหน้าจอทั้งหมด
       10. ปิดฟังก์ชัน diagnostic
      
       อีกฟังก์ชันที่คาดว่ามีผลแง่ลบต่ออายุแบตเตอรี่ใน iOS 6 คือ Diagnostic & Usage data หรือการส่งข้อมูลการใช้งานดาต้าผ่านทางเครือข่ายไร้สาย ดังนั้นควรเลือกที่ Don't Send ที่เมนู Settings คลิกที่ General เลือก About ตามด้วย Diagnostics & Usage



 ที่มาจาก : http://www.manager.co.th/cyberBiz/viewNews.aspx?NewsID=9550000121998&Page=2
       

วิธีการ Jailbreak iOs 6.0.1 iPhone 4/3GS, iPod 4G ด้วย RedSn0w 0.9.15b3 + ติดตั้ง Cydia : VDO



 Jailbreak iOs 6.0.1
Jailbreak iOs 6.0.1 อัพเดทวิธีการขั้นเทพกับ iTAllNews.com หลังจากการ อัพเดท iOS 6.0.1 ผ่านไปได้กี่กี่ชั่วโมงทางทีมงาน Redsn0w ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ โดยการปล่อย RedSn0w 0.9.15b3 ที่ใช้สำหรับ Jailbreak iOS 6 และยังสามารถJailbreak 6.0.1 ได้อีกด้วย และเช่นเคยการเจลเบรคในรอบนี้ยังคงเป็นแบบไม่สมบูรณ์อยู่นะครับ  : Tethered Jailbreak iOS 6.0.1 ละเอียดทุกขั้นตอน

JAILBREAK iOS 6.0.1 + RedSnow 0.9.15b3
Jabilbreak iPhone 4 , iPhone 3GS, iPod Touch 4G -

 สิ่งที่ต้องมีสำหรับการใช้งานด้วย Redsn0w 0.9.15b3
 1. Download 
 2. iTunes 10.7 + เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
 3. iPSW Fireware ที่ตรงกับรุ่นเครื่องตัวเอง  .. click
 4. iDevice อัพเดต iOS 6.0.1 เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ : Jailbreak : iPhone 4 iPhone 3GS iPod Touch 4G
สำหรับ : เครื่อง Official-Unlock เท่านั้น
สำหรับ : ยังเป็นตัว Tethered Jailbreak  ไม่สมบูรณ์อยู่

 วิธีการ Jailbreak iOS 6.0.1 ด้วย RedSn0w 0.6.15b3

 STEP 1: เทำการอัพเดต iOS 6.0.1 ให้เรียบร้อยเสียก่อน
 STEP 2: จัดการ iPhone ให้เข้าสู่ DFU Mode : วิธีเข้าสู่ DFU Mode ..Click
  • กด ปุ่ม Power 3 วินาที 
  • กดปุ่ม Power + Home ( พร้อมกัน ) 10 วินาที
  • ปล่อยปุ่ม Power แต่ยัง กดปุ่ม Home ค้างไว้อีก 15 วินาที ( ปล่อยปุ่ม Power อย่างเดียว )
 STEP 3: เปิด RedSn0w 0.9.15b3 ขึ้นมาเลือก Extras > Select iPSW เลือกไปที่ Firemware iPSW ที่เราดาวน์โหลดมาไว้ 
 STEP 4: เจากนั้นกด Back ที่ Redsn0w แล้วกลับไปที่หน้าจอแรกแล้วเลือก Jailbreak แล้วรอนิดหน่อย 
 STEP 5: เลือกเช็คบล็อก install Cydia แล้วกด Next รอ Redsn0w ทำงานของมันไปเมื่อเสร็จแล้ว iPhone จะขึ้นหน้าจอ DOS สีดำพร้อมกับขึ้นหน้าจอ RedSn0w เมื่อเสร็จแล้วก็จะกลับเข้าสู้หน้าจอ Home Screen
 STEP 6: ให้เราทำการเข้าสู้หน้าจอ DFU อีกครั้ง : กดตาม STEP2
 STEP 7: Just Boot : เราจะทำการ จัสบูสกันครับขั้นตอนนี้โดยไปที่ RedSn0w เลือก Extras > Jus boot จากนั้นก็รอ …
 STEP 8: กลับไปดูที่หน้าจอ iPhone จะพบว่ามีโลโก้ Redsn0w ขึ้นมาและ Reboot เครื่องเข้าสู่หน้าจอ Home Screen เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ หาเข้าไปดูก็จะพบกับ Cydia พร้อมใช้งาน
******************************************************
BOOT TETHERED : สำหรับวิธีการ JustBoot นั้น เมื่อเราจำเป็นต้อง ปิดเครื่อง iPhone หรือ Reboot ละก็ให้นำ iPhone มาต่อที่ Computer จากนั้นเปิด RedSn0w ขึ้นมาเลือก Extras > Jus boot รอเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จพิธีครับ ใช้งานได้ตามปกติ
******************************************************

ที่มาจาก : http://www.itallnews.com/all/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-jailbreak-ios-6-0-1-iphone-43gs-ipod-4g-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2-redsn0w-0-9-15b3-%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87-cydia-vdo/

iOS 6 Preview : Siri, Sport and Movie


Siri


Siri บน iOS 6 นั้นเข้าใจภาษาต่างประเทศมากขึ้น และ ยังเพิ่มฟีเจอร์การใช้งานในหลายๆ ประเทศ  วันนี้คุณสามารถเรียกใช้งาน Siri ได้จากทั่วทุกมุมโลก* ถ้าคุณอยากรู้ผลคะแนนล่าสุดของทีมฟุตบอลที่คุณเชียร์ Siri ก็สามารถหาคำตอบให้คุณได้ หรือถ้าคุณอยากจะดูภาพยนต์สนุกๆ สักเรื่อง Siri ก็สามารถแนะนำให้คุณได้เช่นกัน นอกจากนี้ Siri ยังสามารถเปิดแอพที่คุณใช้ประจำๆ ได้ด้วยเสียง เพียงพูดว่า “Launch Angry Bird”  หรือ “Play Temple Run” และถ้าคุณอยากจะอััพเดทสเตตัส บน Facebook หรือ Twitter ก็สั่งการได้ง่ายๆ ด้วยเสียง 


คุณสามารถถาม Siri เรื่องกีฬาที่คุณชื่นชอบได้ ไม่ว่าจะเป็น ผลคะแนน, อันดับของทีมในการแข่งขัน,ตารางการแข่งขัน, รายชื่อผู้เล่นในทีม, และสถานะผู้เล่น
สำหรับกีฬาที่ Siri ค้นหาข้อมูลได้มีดังนี้
  • • Soccer: Italian Seria A, English Premier League, Dutch Eredivisie, Major LeagueSoccer, French Ligue 1, Spanish La Liga, and German Bundesliga
  • • Baseball: Major League Baseball
  • • Football: NCAA Football, NFL
  • • Basketball: NCAA Basketball, NBA, WNBA
  • • Hockey: NHL


อยากดูภาพยนต์ซักเรื่อง? แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะดูเรื่องอะไร Siri สามารถแนะนำคุณได้ ด้วยคะแนนรีวิวภาพยนต์, เรทติ้ง, และ trailers ภาพยนต์ และ ถ้าคุณอยากรู้ว่าใครเป็นผู้กำกับ หรือ นักแสดงนำในภาพยนต์เรื่องโปรด คุณสามารถถาม Siri ได้

*Siri สามารถใช้งานได้บน iPhone 4S, iPhone 5, iPad (3rd generation), iPod touch (5th generation) และ ต้องการสัญญาณอินเตอร์เนตในการใช้งาน.



ที่มาจาก : http://www.maccomseven.com/site/content_related.php?iOS%206%20Preview%20:%20Siri,%20Sport%20and%20Movie&page=sub&category=162&id=452

iOS 6 Preview - Phone Setting, Reply, Remind, Do Not Disturb


Phone

“ส่งไปยังวอยซ์เมล์, ตอบกลับด้วยข้อความ, ตั้งเตือนให้โทรกลับง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว”

iOS 6 นั้นมีฟีเจอร์ใหม่ สำหรับการรับสายโทรศัพท์บน iPhone ถ้าคุณไม่สะดวกที่จะรับสาย คุณสามารถ ตอบกลับด้วยข้อความ หรือเลือก ที่จะตั้งเตือนให้โทรกลับได้ ถ้าคุณอยู่ในสถาการณ์ที่วุ่นวายมากๆ และไม่ต้องการรับ Notification หรือ สายโทรเข้าที่ไม่สำคัญ ให้คุณ เปิดโหมด Do NotDisturb เพื่อเลือกที่จะรับสายเฉพาะจากเจ้านาย หรือ คนที่คุณรัก

Reply with message

เมื่อมีสายเข้า และคุณไม่สามารถรับได้ ให้คุณสไลด์เลื่อน ปุ่มตัวเลือก ขึ้นด้านบนเพื่อเลือกที่จะตอบกลับด้วย SMS , iMessage ที่สามารถปรับแต่งได้ หรือจะเลือก ตั้งเตือนให้โทรกลับ ภายในระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้คุณยังเลือกการตั้งเตือนแบบ location-base เช่น ตั้งเตือนเมื่อออกจาก ออฟฟิตจากบ้าน หรือ เมื่อถึงสถานที่ที่กำหนด

No Not Disturb

เมื่อเปิดคำสั่ง Do Not Disturb ระบบจะตัดสายโทรเข้า เสียงรบกวน และ แสงสว่างจากหน้าจอ ให้คุณมีสมาธิกับกิจกรรมที่ทำ หรือชั่วโมงพักผ่อน คุณสามารตั้งระบบให้เปิด - ปิดอัตโนมัติในระยะเวลาที่กำหนด หรือจะเลือกเปิด-ปิดด้วยตนเอง อยากไรก็ตามคุณจะไม่พลาดรับสายสำคัญ ด้วยการตั้งค่าพิเศษเพื่ออนุญาติสายโทรเข้าจากบุคคลสำคัญ หรือ กรุ๊ปที่คุณเลือกจากรายชื่อ ในกรณีเร่งด่วน เมื่อสายโทรเข้าโทรซ้ำติดต่อกัน ภายใน 3 นาที ระบบจะอนุญาติให้สายโทรเข้านั้นๆ โทรเข้าได้ปกติ ถ้าคุณได้เปิดการตั้งค่า Repeated Calls



ที่มาจาก : http://www.maccomseven.com/site/content_related.php?iOS%206%20Preview%20-%20Phone%20Setting,%20Reply,%20Remind,%20Do%20Not%20Disturb&page=sub&category=162&id=441

วิธีอัพเดท iOS 6 จาก iOS 4 หรือเวอร์ชั่นที่ต่ำกว่า


Updating your device to iOS 6 from iOS 4 or Below

การอัพเดท iPhone, iPad, iPod touch จาก iOS 4 หรือ ต่ำกว่า ไปยัง iOS 6 คุณจะต้องลบข้อมูลภายในเครื่อง และ กู้ข้อมูลจากไฟล์ข้อมูลที่แบ็คอัพไว้ ก่อนการอัพเดทจะเสร็จสมบูรณ์
ขั้นตอนในการอัพเดทมีขั้นตอนดังนี้
1. เตรียมสำรองข้อมูลที่สำคัญ บนอุปกรณ์ (คลิ๊กเพื่อดูขั้นตอนการแบ็คอัพด้วย iTunes)
2. อัพเดทอุปกรณ์ด้วย iOS เวอร์ชั่นใหม่
 a. นำอุปกรณ์ที่ต้องการอัพเดท เชื่อมต่อเข้ากับ iTunes
 b. คลิ๊กที่เมนู Device เลือกอุปกรณ์จากรายชื่อ คลิ๊ก “Check for Update”


หากคุณอัพเดทอุปกรณ์ที่ติดตั้ง iOS ด้วยเครื่องคอมที่เคยเชื่อมต่อข้อมูลกับ iTunes เป็นประจำ คุณควรทราบว่า


“iTunes จะสำรองข้อมูลและ อัพเดทข้อมูลกับแบคอัพไฟล์ที่เก็บไว้ ข้อมูลที่อยู่บนตัวเครื่อง เช่น แอพที่ติดตั้ง,
เพลง, รายชื่อ, ปฎิทิน, โน๊ต, SMS, และ การตั้งค่า จะยังคงอยู่ครบหลังจากกู้ข้อมูลจากไฟล์แบคอัพ การอัพเดทจะให้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือนานกว่านี้ ขึ้นอยู่กับข้อมูลภายในตัวเครื่อง ขณะทำการอัพเดทห้ามดึงตัวเครื่องออกจากสายเชื่อมต่อ”
หากคุณอัพเดทอุปกรณ์ที่ติดตั้ง iOS ด้วยเครื่องคอมที่ไม่เคยเชื่อมต่อข้อมูลกับ iTunes มาก่อน คุณควรทราบว่า


“iTunes จะลบข้อมูลที่มีอยู่บนเครื่อง และจะกู้ข้อมูลจากแบคอัพไฟล์ ซึ่งข้อมูลบางอย่างจะหายไปiTunes จะเก็บเฉพาะข้อมูลสำคัญเช่น รายชื่อ, SMS, ปฏิทิน, และการตั้งค่าเครื่องอื่นๆ (คลิ๊ก เพื่อ ดูว่าiTunes สำรองข้อมูลอะไรไว้บ้าง?)
3. เมื่อคลิ๊ก Update ระบบจะดาวน์โหลดไฟล์ที่ใช้ในการอัพเดท ตัวเครื่องจะรีสตาร์ท และเริ่มอัพเดท
4. เมื่อระบบอัพเดท iOS เสร็จ ให้คุณเลือกการตั้งค่า Set Up iPhone “Restore from iTunesBackup”
5. ระบบจะทำการกู้ข้อมูลจากไฟล์ที่แบคอัพไว้ก่อนหน้า ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีในเครื่อง ระหว่างนี้ไม่ควรดึงสายเชื่อมต่อข้อมูลออกจนกว่าข้อมูลจะอัพเดต เสร็จสมบูรณ์



ที่มาจาก : http://www.maccomseven.com/site/content.php?%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%97%20iOS%206%20%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%20iOS%204%20%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2&page=sub&category=162&id=448